วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

Mammatus cloud @ BKK Thailand

Mammatus cloud เมฆตะปุ่มตะปํ่า (Bumpy clouds) เมฆทรวงอก ลักษณะเมฆจะเป็นก้อน ปุ่ม ย้อยคล้ายถุงห้อยลงมาจากท้องฟ้า โดยคำว่า "mammatus" มาจากภาษาลาติน mamma แปลว่าเต้านม หรือ ทรวงอก ซี่งมาจากการที่ก้อนเมฆมีลักษณะคล้าย เต้านมของวัว โดยแต่ละปุ่มมีขนาดใหญ่ 1 - 3 กิโลเมตร ยืนยาวลงมาประมาณ 0.5 กิโลเมตรหรือยาวหลายร้อยกิโลเมตร ปรากฏการณ์ นี้อาดเกิดขึ้น 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ปรากฏการณ์ เมฆนี มีส่วนเชื่อมโยงกับ การเกิดพายุใหญ่ หรือพายุเทอนาโด
และมักจะพบเห็นเมฆนี้หลังเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
ไม่ค่อยได้เห็นเมฆทรวงอก ในกรุงเทพเท่าไหร่ แต่ช่วงหน้าฝนนี้ ได้เห็น 2 ครั้งแล้ว ครั้งนี้เห็นความอลังการของเมฆนี้ ทั้งดูน่ากลัว และสวยสุดๆ

เมฆกำลังก่อตัวเป็น Mammatus

 เริ่มเป็นก้อนเห็นชัด และใหญ่ขึ้น


แผ่ปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่ยาวมาก ระยะเวลา นานพอดู


ซูมมาใกล้ เป็นก้อนย้อยลงมาจากฟ้า


เริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆแล้วก็สลายไป


แกงส้มทูน่ากุ้ง ผักกระเฉด


แกงส้ม อาหารไทย ที่ได้รับความนิยมมาตลอดเวลา แถมกินแล้วไม่อ้วนด้วย
เมนูประยุกต์เพื่อความสะดวกสบาย กับยุคนี้ เครื่องปรุงหาง่าย แต่รสชาดยังคงความเป็นแกงส้มของไทย และสะดวกในการปรุงอีกด้วย

เครื่องปรุง
กุ้งสด 15 ตัว หรือตามชอบ ผ่าหลังเอาเส้นดำออก
ผักกระเฉด 1 กำ
หัวไชเท้า  1 หัว (ช่วยเพิ่มความหวานให้น้ำแกง) จะใส่หรือไม่ก็ได้
ปลาทูน่า ในน้ำเกลือ 1 กระป๋อง
น้ำพริกแกงส้ม 1 ขีด
น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วยตวง
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 3 ถ้วย
 

วิธีทำ
1.นำปลาทูน่ากระป๋อง มาตำรวมกับพริกแกงส้มให้เนียนเป็นสีเดียวกัน
2.ต้มหัวไชเท้าในน้ำเปล่าให้เดือด ใส่ส่วนผสมพริกแกงส้ม คนให้ละลาย อย่าให้จับเป็นก้อน
3.พอน้ำแกงเดือดน้ำกุ้งสดไปลวก แล้วขึ้นมาพักไว้
4.ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา ถ้าต้องการให้มีรสหวานมากขึ้นเติมน้ำตาลเล็กน้อย
5.หัวไชเท้าใสก็ ตักเสริฟ โดยนำผักกระเฉดใส่ไว้ก้นถ้วย พร้อมกุ้งวางด้านบน ตักน้ำแกงส้มร้อนๆใส่ลงในถ้วย เสริฟทันที
..ปล.. ผักกระเฉดควรทานทันทีที่ทำ เพราะจะกรอบนุ่มไม่เหนี่ยว

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

หมูสามชั้น ต้มมะขามเปียก


จัดเป็นเมนูแสนอร่อยอีกเมนู เข้ากันดีกับหมูสามชั้น ซึ่งหลายคนอาจรู้สึกเลี่ยนๆ
เมนูนี้ จะมีความคล้ายกัน หมูฮ้อง ลือชื่อของภูเก็ต รสชาดจะสามรส เปรี้ยวนำหวานตามและเค็ม
เป็นอีกเมนูที่ทำนาน แต่อร่อยถูกใจมาก

เครื่องปรุง
- หมูสามชั้น 1 กก.
- น้ำมะขามเปียก  1/2 ถ้วย
- เต้าเจี้ยว     2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปึก
- หอมแดงหรือหอมใหญ่  100 กรัม
- กะปิ              1.5-2ช้อนโต๊ะ
- ถั่วลิสง หรือมะม่วงหิมพานต์ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกชี้ฟ้า 3สี เพื่อความสวยงามและรสชาดที่เผ็ดแตกต่างกัน
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า

วิธีทำ
1.สับหอมแดงหรือหอมใหญ่ ให้ละเอียด แล้วตำรวมกับกะปิ ใส่ถั่วลงไปตำด้วย
2. ใส่น้ำมันเจียวในกะทะ นำเครื่องปรุงข้อ1ลงผัดให้หอม
3. เติมเต้าเจี้ยว ใส่หมูลงผัดให้ผิวหมูตึง  เติมน้ำมะขามเปียก
4. เติมน้ำเปล่าให้ท่วมเนื้อหมู ต้มจนเดือด ปรุงรสด้วย น้ำตาล ชิมรสให้มี3รส เปรี้ยวนำหวานเค็มตาม
แล้วตุ๋นต่อไปอีก 1ชม. หรือจนกว่าหมูจะนุ่มเปื่อยดี เติมพริกชี้ฟ้าลงไป

เสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมากมาก

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ของขวัญนาฬิกา



ชีวิตก็เหมือนนาฬิกา ต้องเดินไปข้างหน้าทุกวัน
ไม่ว่าจะเจอฝันหรือไม่ ก็ต้องเดินต่อไป
หยุดเดินก็เหมือนหยุดหายใจ

ของขวัญเป็นนาฬิกา ของขวัญที่ได้รับ แล้ว เฮ้อทุกที นากาอีกแล้ว

ความฝัน

ความฝัน คือความคิดตามธรรมชาติ และเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในสมองในยามหลับ โดยที่ผู้ฝันส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมได้ ความฝันของคนเรามักจะรวมถึงรูป รส กลิ่น เสียง และสิ่งที่เราสัมผัสได้ ความฝันมักเต็มไปด้วยความคิดในด้านต่างๆ ตั้งแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงจนถึงเรื่องที่เหลือเชื่อ 

นักจิตวิทยาวิเคราะห์ว่า คนเรามักจะฝันถึงสิ่งที่ตนต้องการ แต่ไม่อาจครอบครองได้ หรือสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจ ความฝันอาจเกิดได้จากอาการบางอย่าง เช่นรู้สึกหิวน้ำขึ้นมาก็อาจฝันไปว่าเดินอยู่ในทะเลทรายและกระหายน้ำเหลือเกิน ซึ่งเป็นความคิดธรรมชาติในยามหลับ 

นักวิทยาศาสตร์ได้มีการศึกษาความฝันโดยอ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของดวงตาขณะนอนหลับ (rapid eye movement, REM) การกระตุ้นของต่อมponsส่วนประกอบส่วนหนึ่งของก้านสมอง หรือการเปลี่ยนแปลงของการเต้นของหัวใจ จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่เชื่อว่าคนทุกคนเฉลี่ยแล้วจะมีความฝันในปริมาณที่เท่ากัน ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะรู้สึกว่าตนเองไม่ได้ฝัน นั่นเป็นเพราะว่าความฝันของบุคคลนั้นจางหายไป เมื่อตื่นนอน ความฝันนั้นมักจะเลือนหายถ้าสถานะของการฝันของบุคคลนั้นค่อยๆเปลี่ยนจาก สถานะหลับนิ่ง (REM) ไปเป็นสถานะหลับลึก (delta) และตื่นนอน ในทางกลับกันถ้าบุคคลนั้นตื่นขึ้นมาในขณะที่อยู่ในสถานะ REM เช่นตื่นโดยนาฬิกาปลุก บุคคลนั้นมักจะจำเรื่องที่ฝันได้ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกความฝันที่จะถูกจำได้

 ความเชื่อเกี่ยวกับความฝัน ความฝันไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีเรื่องเร้าย ย่อมมีผลกระทบต่อจิตใจของผู้ฝัน (ถ้าจำความฝันได้)จึงทำให้เกิดความเชื่อกันมาต่างๆ ตั้งแต่โบราณกาล จึงทำให้มีพิธีกรรมแก้ฝันต่างๆ และคำทำนายความฝัน ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล ซึ่งมีมากมายหลากหลายวิธี อาทิ

  พิธีกรรมแก้ฝันตามความเชื่อ อ่านเพิ่มได้ที่ http://www.trangzone.com/prapenee_detail.php?ID=7
  1. การแก้ฝันกับบุคคล กระทำโดยเมื่อผู้ฝันตื่นจากฝันแล้ว ก็เล่าเรื่องให้ผู้ใหญ่ที่มีความรู้ฟัง ผู้ใหญ่ก็จะทำนายไปตามความเชื่อโบราณ ถ้าหากฝันดีก็จะบอกกันตรงไปตรงมา แต่ถ้าเป็นฝันร้าย ก็จะใช้อุบายวิธีแก้เคล็ดในว่า "ฝันดีมีลาภ" และแนะนำวิธิปฏิบัติตน เพื่อให้เรื่องร้ายผ่อนคลายลงหรือไม่เกิดขึ้น 
  2. ใช้ปัญญาพิจารณาสาเหตุของฝัน ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสว่า "คนที่ฝันร้ายคือฝันเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่น่ากลัวน่าหวาดเสียวนั้น ก็เพราะเหตุไม่มีสติสัมปชัญญะในเวลานอนหลับ แต่ผู้มีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลาแม้กระทั่งหลับแล้ว ก็จะฝันเห็นแต่สิ่งที่ดีงาม วิธีน่าจะเป็นวิธีที่ดับทุกข์ได้ดีที่สุด
  3. การแก้ฝันโดยการสวดมนต์ ถ้าไม่มีผู้ใหญ่หรือผู้ใดช่วยแก้ฝัน และตนเองบทสวดเป็น ก็ให้ท่องบทสวดมนตร์ต่อไปนี้ทันทีที่ตื่นไม่ว่าจะเป็นฝันดีหรือฝันร้าย ถ้าฝันดีก็จะส่งผลให้ดียิ่งขึ้นไป ถ้าเป็นฝันร้าย เรื่องร้ายก็จะผ่อนคลายลง 
  •  บทสวดมนต์ เมื่อตื่นจากความฝัน ก่อนสวดมนต์ควรตั้งนะโม ๓ จบ เสียก่อน แล้วกราบ ๓ ครั้ง
ยนทุนนมิตตํ อวมงคลญจ
โย จามนาโป สกุณสส สทโท
ปาปคคโห ทุสสุปินํ อกนตํ
พุทธานุภาเวน วินาสเมนตุ
ยนทุนนิมิตตำ อวมงคลญจ
โย จาณนาโป สกุณสส สทโท
ปาปคคโห ทุสสุปินํ อกนตํ
ธมมานุกาเวน วินาสเมนตุ
ยนทุนมิติตุตํ อวมงคลญจ
โยจามนาโป สกุณสส สทโท
ปาปคคโท ทุสสุปินํ อกนตํ
สงฆานุภาเวน วินาสเมนตุ
หรือใช้บทสวดสั้น ๆ ว่า
พุทธัง นิมิตตัง (พุทธํ นิมิตตํ)
ธัมมัง นิมิตตัง (ธมมํ นิมิตุตํ
สังฆัง นิมิตตัง (สงฆํ นิมิตตํ)

  •  ผู้เขียนมักแก้ฝันร้ายเบื้องต้น ที่มักจะทำเสมอเวลาตื่นมาแล้วรู้สึกว่าฝันของตัวเองเป็นฝันร้าย ให้ล้างหน้าทันที อย่าเพิ่งพูดคุยทักทายกับใครเด็ดขาด โดยล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ปาดน้ำหรือลูบน้ำออกจากคาง เพื่อนสนิทคนหนึ่งเค้ารู้มาจากผู้ใหญ่ ส่วนการทำนายฝัน ก็สามารถค้นหาจากในเน็ตได้มากมาย ตามความเชื่อแต่ละคนไป

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แกงมะตาด

แกงมะตาด (แอปเปิ้ลมอญ) 
อาหารโบราณของคนไทยเชื้อสายมอญ ได้ยินชื่อเสียงความอร่อยมานานแร่ะ ที่บ้านออกลูกมาตั้้ง2ลูก

เสียไปลูกนึงเพราะกระรอกกระ
แตมาลองแทะกิน

ต้นมะตาดจะออกผลปีละครั้ง ประมาณช่วงเข้าพรรษาพอดี จิงเป็นแกงหากินได้เฉพาะฤดูกาล

มะตาด มีสองพันธ์ คือพันธุ์ข้าวเจ้า กับ พันธู์ข้าวเหนียว 

ถ้าพันธุ์ข้าวเหนียวจะมีกากใยไม่มาก แกงอร่อยกว่า 

เพิ่งลองทำครั้งแรก รสชาดอร่อยจริงๆ รสของมะตาดจะอมเปรี้ยว เป็นน้ำแกงกับขนมจีนเข้ากันมากๆ

มาดูวิธีทำแกงกันดีกว่า

สูตรแกงมะตาด

ผลมะตาด  1  ลูก ล้างสะอาด สับละเอียด ใช้กลีบเลี้ยงด้านใน 3กลีบ 1 ผลมี 5กลีบ

กะทิ            1 กล่อง UHT

พริกแกงส้ม   1 ช้อนโต๊ะ

กุ้งแห้ง            1  ช้อนโต๊ะ (หรือจะใส่ปลาย่างก็ได้ โดยตำไปรวมกับพริกแกง)

น้ำปลา ตามชอบ

น้ำตาลตามชอบ

Directions:
1.นำพริกแกงส้ม มาผัดกับกะทิ  แล้วค่อยๆเติมน้ำกะทิลงไป 2.พอน้ำแกงเดือด ใส่มะตาดที่สับละเอียด เคี่ยวจนน้ำแกงมีรสอมเปรี้ยว 
3.ใส่กุ้งแห้ง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ตามชอบ
4.เสริฟขณะร้อนๆ พร้อมขนมจีน หรือข้าวสวย 
***  
รสชาดของแกงจะเปรี้ยวนำเล็กน้อย 
เมือกของผลมะตาดให้รสชาดเฉพาะมาก  เรียกว่าถ้าได้ชิมแล้วต้องติดใจมาก อร่อยจริงๆ***
ลักษณะ ต้นมะตาด

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554

บทความเรื่องวันสิ้นโลก 2012 อุบัติภัยวันสิ้นโลก

บทความเรื่องวันสิ้นโลก
2012 อุบัติภัยวันสิ้นโลก



ด้วยความสงสัยของว่าทำไม 2012 จะมีข่าวลือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมากมายเหลือเกินบางแหล่งก็อ้างน้ำท่วมจาเหตุโลกร้อนบางแหล่งก็อ้างไบเบิ้ลเพราะพระเจ้ากำหนดมาแต่มีสิ่งที่นึงที่มีทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พร้อมเกี่ยวปรากฎการณ์ที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้และถ้าเกิดขึ้นก็จบ... ไม่เหมือนกับ LHC ที่กลัวโอกาสว่าจะเกิดหรือเปล่าเท่านั้น เรื่องนี้คือเรื่อง ดาวปริศานาดวงที่ 12 ของ ระบบสุริยะจักรวาลถ้าใครได้พอดูความปี 2002 จะได้ทราบว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ดาวดวงที่ 12 ขึ้นมาอยู่ในระบบกาแล็คซี่เราดื้อๆแต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้วซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมากช่วงเดือน พฤษภาคม เพราะผมก็ได้ดูเหมือนกันมันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาตร์ว่า นิบิรุ Nibiru




และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆ ว่า...สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้เกิดจากดาวดวงนี้

แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราห์ดวงใหม่ แล้วก็จบ...ทำไมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น? สิ่งที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ....ดาวดวงนี้ทุนเดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือกมาแต่เนิ่นๆ อยู่แล้วแต่... มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่นี้



แปลว่า... ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มมาดวงก็แปลว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย





อันนี้ใช้เทคโนโลยี้ขั้นสูงในการถ่ายซูมครับ ทำให้รู้ได้ว่า ดาวนี้เป็น ดาวฤกษ์ครับและทับเข้ามาแค่ไหนเส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาว นิบิรุ เข้ามาทับเส้นเดียวกับโลกเลยครับแปลว่า... มันมีสิทธิชนโลกเราอย่างแน่นอน!!!



รูปนี้คือเส้นวงโคจรของดาวนิบิรุครับ



มันเข้าใกล้มาจริงเร้อ?เส้นทางวงโคจร ทำให้เรารู้ได้ว่าทางเราส่องดาวบริเวณทิศใต้สุดของดาวโลกเราจะเห็นแต่ปัจจุบันนี้ ปีนี้สามารถเห็นได้ด้วยเปล่าแล้ว



(เส้นขาวๆ คือลูกศรชี้ตำแหน่งดาวนิบิรุครับ)



และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีตังไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะครับแนะนำให้ลองใช้โปรแกรม googleSky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ...แล้วทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตหละนักโบราณฯ สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้ทีนึงแล้วในเมื่อหลายแสนปีก่อนแต่มารอบนี้ มาเทียบและทาบวงโคจรของดาวนิบิรุ คาดว่ามีโอกาสที่จะชนกันสูงหรือแม้เฉียดกันก็เกิดอันตรายเพราะแกนของดาวมีสนามแม่เหล็กอยู่ อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติธรรมชาติเกิดภาวะน้ำขึ้นกระทันหัน เกิดพายุต่างๆ นาๆและเค้าคาดการณ์ไว้แล้วว่า ปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว ข้อมูลอาจจะยังไม่แน่นพอ เพราะ NASA แม่งปิดข่าว เพราะกลัวว่าถ้าประกาศข่าวนี้แก่ชาวโลกรู้ท่านลองคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อท่านรู้ตัวว่าจะตายในอีกไม่กี่ปีข้าวหน้า ท่านจะใช้ชีวิตที่สุดเหวี่ยงเลยใช่มะ โลกจะเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้น 80% โลกทั้งโลกจะวุ่นวาย เค้าเลยปิดเป็นความลับ (เฮอๆดีเน้อ) แต่นักดาราศาสตร์ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้กันอย่างจ้าละหวั่นข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอก ดาวฤกษ์ และอุกกาบาต เพราะขนาดของมันใหญ่กว่าดาวพฤหัส 2 เท่า!!!(ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)

ข่าวใหม่ล่าสุด 23 พ.ค. 2552 ช่อง 11 (4 ทุ่ม) มีการคุยเรื่อง ภัยพิบัติล้างโลก 2012 อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้วชาญไฮโดรเจน จากองค์การนาซ่า และเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ Hydrogen ในประเทศไทย ด้วยวิธีการใช้ไฟฟ้าแยกน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง




อาจารย์ สุมิตร" ทำงานในองค์การ NASA ในสายงานคือ ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เพื่อสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพผู้คนจาก อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (แต่รู้ในวงจำกัด) "อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน
และคนในองค์การ NASA ทุกคนทราบเรื่องนี้มานานแล้ว แล้วได้สร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจาก อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 ใกล้เสร็จแล้ว (แต่ "อาจารย์ สุมิตร" ไม่ได้บอกว่าสร้างไว้กี่ลำ)


(ตึกใบหยกที่เราแสนจะภูมิใจในความสูง)

"อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริง ปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การ NASA โดยสื่อสารทาง "โทรจิต" ในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (มนุษย์บางคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้รอด) "อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่าโลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ

"อาจารย์ สุมิตร" บอกว่า มนุษย์โลกสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้วโดยทาง "โทรจิต" แต่ทาง "สหรัฐอเมริกา" นั้นค่อนข้างปกปิด เรื่องนี้ ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ ก็จะมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล "อาจารย์ สุมิตร" เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA มาหลายปีแล้ว ท่านเคยไปบอกให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทยควรเร่งสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 โดยเร็ว เพราะ "คุณสุวิช" มีเทคโนโลยีในการสร้างแล้ว ขาดก็แต่งบประมาณเท่านั้น แต่กลับไม่มีใครเชื่อ แถมมองว่าท่านเป็นบ้าอีกด้วย พวกฝรั่งเขารู้กันมานาน เขาสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกในค.ศ. 2012 เกือบเสร็จแล้ว แต่คนไทยยังไม่เชื่อ จะจมน้ำตายกันอยู่แล้ว ไม่รู้วันๆ คนไทยทำอะไรกันอยู่ น่าสงสารคนไทยจริงๆ"อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริง ที่ฝรั่งเค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมดยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ น่าสงสารคนไทยจริงๆ"อาจารย์ สุมิตร" กล่าวว่า คนไทยน่าจะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว อีก 3 ปี ได้จมน้ำตายแน่ๆ เพราะอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012นั้นเป็นวันหายนะที่ร้ายแรงมาก ร้ายแรงขนาดล้างโลกเลยทีเดียว ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวเค้าคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การ NASA เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล เพราะ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA จริง มีตัวตนจริงๆ
ลองหาข้อมูลของ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ใน Google ดูนะ

ฉะนั้นบอกคนที่คุณรักซะว่าคุณรักเค้ามากแค่ไหนเพราะอีก3ปี...คงไม่มีโอกาสได้บอก


ทาง NASA ได้คํานวนไว้เเล้ว
- ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ computer)
- การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
- ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก
- ทำให้ภูเขาไฟเพิ่มขึ้น เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม
- สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เเละในที่สุดเราก็จะตายกันหมด
- กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น
-แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

นอกกรอบ

ทางโหราศาสตร์ - บ่งบอกว่าจะเกิดการเรียงตัวกันของ โลก กาแล็คซี่ทางช้างเผือก และดวงอาทิตย์
ทางโบราณคดี - อย่างที่พูดข้างต้นไว้...เป็นวันสุดท้ายในปฏิทินของช าวมายันมีเเค่ 2012 เท่านั้น
ทางการทำนาย - นอสตราดามุสได้ทำนายไว้กับราศีตีความแล้วสอดคล้องกับ ทางโหราศาสตร์
ทางด้าน UFO - ผู้ที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้อ้างว่ามนุษย์ต่างดาวได้บอกเค้า(แล้วแต่ความเชื่อ...)
ไม่ว่าจะทางใด ดูจากหลาย ๆ ทางแล้วชี้ไปในปีเดียวกัน ความเชื่อมั่นกับสิ่งที่จะเกิดในปี 2012 นั้นน่าจะมีอะไรเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่ ๆ แต่ที่แน่ ๆ ในปัจจุบันผมมั่นใจว่ามันน่าจะเริ่มเกิดขึ้นแล้ว โดยสังเกตุจากผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี่เอง เมื่อกลับมามองดูปี 2012 ก็เลยมานั่งพิจรณาดูเล่น ๆ (การนับเลขฐานสิบจะนับศูนย์ถึงเก้า) ถ้าเราตัดเลขสองออกก็จะได้เลขนับ 0->1->2 เมื่อมาดูเป็นปี พ.ศ. มันเป็นปี 2555 (เลยสวยมาก) ถ้าเราตัดเลขสองออกเช่นกัน จะได้เลข 5 เรียงตัวกัน 3 ตัวผมขอโยงไปเรื่องโหราศาตร์ที่จะมี โลก กาแล็คซี่ และดวงอาทิตย์ ที่จะเกิดการเรียงตัวกัน ผลลัพธ์นั้นคงบอกไม่ได้ อาจเกิดผลกระทบรุนแรงต่อโลกหรืออาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ เพราะสิ่งที่เราไม่รู้นั้นยังมีอีกมากมายทั้งในอวกาศและจักรวาล ยังที่บอกไวว่าดาวเเบบเราไม่ได้มีเเบบนี้ใบเดียวจริงๆ มี 200 กว่าดวง

ข้างล่างนี้เเล้วเเต่คนจะเชื่อคับ

1. ประกาศจากองค์การ NASA วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) วันนั้นแกนโลกของเราจะพลิกกลับขั้ว คือ ขั้วโลกเหนือจะมาอยู่ที่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้น โลกของเราจะไม่มีสนามพลังแม่เหล็ก เพื่อป้องกันตัวเองจากสนามพลังแม่เหล็ก และ รังษีต่างๆจากอวกาศ
แล้ววัน นั้นจะเป็นวันเดียวกับที่ ดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วเช่นกัน เพราะดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วทุกๆ 11 ปี ปีล่าสุดคือปี พ.ศ. 2544 ถ้ามาถึงวันนี้ก็ 11 ปีพอดี (2544 + 11 = 2555) ขณะ ที่ดวงอาทิตย์กำลังพลิกกลับขั้วนั้น ดวงอาทิตย์จะแผ่สนามแม่เหล็ก และรังษีความร้อนสูงมายังโลก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โลก ไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันตัวเอง ผลคือ น้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน น้ำท่วมโลกฉับพลัน ไม่มีทางหนีได้ทัน ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
<<<<<ภาพจําลองของ NASA
2. ชาวมายา (ชนเผ่ามายาแห่งอเมริกากลาง) ทำปฏิทินใช้เองตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ชนเผ่ามายานี้มีความสามารถในการคำนวนการโคจร การเกิดดับของดวงดาวอย่างไม่น่าเชื่อ คือเขาสามารถคำนวนว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์โดยใช้เวลา 365 วัน ตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับปฏิทินที่ชาวโลกปัจจุบันใช้กัน แล้วยังสามารถคำนวนเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลได้อย่างแม่นยำมาก
ชาว มายายังกำหนดวันสุดท้ายของปฏิทินของพวกเขาคือ วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) พวกเขาบอกด้วยว่า วันนั้นโลกจะถึงจุดสิ้นสุด (โดยบอกไว้เมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว) น่าแปลกมาก ทำไมมาตรงกับองค์การ NASA อ่ะ
3. นาย Gordon-Michael Scallion เป็นผู้หยั่งรู้อนาคต (futurist) มีญาณทัศนะ(Spiritual Visionary) คือมองเห็นอนาคตด้วยญาณ มีความแม่นยำมาก เขาได้ทำนายว่า น้ำกำลังจะท่วมโลก จนหลายประเทศหายไปจากแผนที่ ประเทศที่เป็นเกาะจะจมน้ำทั้งหมด ประชากรโลกที่รอดตายมีเพียง 10% เท่านั้น เขาเชื่อว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในระหว่างปี 1998-2012 (พ.ศ.2541-พ.ศ.2555) และเขาได้สร้างแผนที่โลกใหม่หลังน้ำท่วมครั้งใหญ่ ภายใต้ชื่อ Future Map Of The World ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1978 (พ.ศ. 2521) ซึ่งประเทศไทยเหลือแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

ทําไมหน้ากลัวยังงี้นะ
ทำไมจึงไม่เป็นข่าวใหญ่โตหลายคนคงสงสัยผมได้ข้อมูลมาคับ
หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่มีข่าวออกทาง TV
เค้าประกาศเป็นข่าวใหญ่ทั่วโลกมาหลายปีแล้วคับ ถ้าอยากจะอ่านย้อนหลัง
ให้เข้า Google พิมพ์ว่า องค์การ NASA แกนโลกพลิก 2012
หรือถ้าชอบอ่านภาษาอังกฤษให้พิมพ์ว่า Pole Shift NASA 2012

ถ้าคิดว่า อะไรที่เป็นข่าวจะต้องออก TV ล่ะก็นะ
พี่ๆคงเข้าใจผิดอ่ะคับ เพราะ TV เมืองไทยเค้าเซ็นเซอร์ เค้าไม่ได้ให้ออกทุกอย่างหรอก
ข่าวบางอย่าง ประเทศอื่นเป็นข่าว แต่ในไทยไม่ออกข่าว มีมากมาย เพราะมีญาติอยู่ที่อเมริกา
TV เมืองไทย ไม่ได้เสรีอย่าง อเมริกา

ถ้าจะดูข่าวแบบไม่เซ็นเซอร์ ขอแนะนำให้ดูทาง เคเบิ้ล TV
หรือติดจานดาวเทียม หรือ ตามข่าวจาก Internet เพราะสื่อแบบหลังๆนี้ ไม่มีการเซ็นเซอร์เนื้อหา มาแบบเต็มๆคับ
หลายๆคนเค้าเลิกดู TV เมืองไทยแล้ว งี่เง่า ห่วยแตก ปัญญาอ่อน แหะๆ ดูแล้วหงุดหงิดอ่ะคับ

เรื่องแกนโลกพลิกเนี่ย เป็นข่าวใหญ่ในอเมริกา และ ยุโรป เมื่อหลายปีก่อนแล้ว
แต่เมืองไทยกลับไม่มีข่าว สงสารคนไทยจริงๆคับ ดีนะยังมี Internet

เพราะถึงแม้ว่าคนทั่วไปจะรับรู้ทุกๆคน ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
แม้แต่องค์การ NASA เอง ก็ไม่มีทางแก้ไขอะไรเลย เพราะนี่คือมหันตภัยที่ใหญ่หลวงที่สุด เท่าที่มนุษย์เคยพบมา
ไม่มีทางแก้ไขอะไรได้ ทางรอดมีทางเดียว อพยพผู้คนไปดาวดวงอื่นคับ ซึ่งในทางปฏิบัติ น่าจะเป็นไปได้เพราะ NASA ต้องหาทางออกได้เเน่

เเละคุนจะทําไงต่อไป
1. หาวิธีเอาตัวรอดที่จะอยู่บนโลกนี้
2. อยู่เฉยๆ
3. ไม่รู้เหมือนกัน
http://www.youtube.com/watch?v=Hz86TsGx3fc&eurl=http%3A%2F%2Fwww%2Earip%2Eco%2Eth%2Fnews%2Ephp%3Fid%3D409357&feature=player_embedded
หรือมันจะเป็นเเบบนี้ ไมมีไครคิดไว้เลย 3 ปีเท่านั้นรอดูกัน
โลกเราหรือเนีย
ประเทศไทย

ข่าวคืบหน้า
แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว "Pole Shift" บรรดา ET กำลังให้ความช่วยเหลือในการรอดของมนุษย์
เเละอาจเกี่ยวกับไดโนเสาตาย

แบบจำลองคอมพิวเตอร์ ทำนายการพลิกกลับขั้วของแม่เหล็กโลก อาจนำมาสู่การสิ้นสุดอารยธรรมมนุษย์ในปี 2012

จากการทำงานของนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง ที่ได้ศึกษาปรากฎการณ์แกนโลกพลิกตัว บอกว่าโลกและดวงอาทิตย์ ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันและสัมพันธ์กัน โดยจะแลกเปลี่ยนพลังงานและใช้จนหมดกระบวนการหนึ่ง จนเกิดกระบวนการของการพลิกกลับขั้วเกิดขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน เมื่อสัตว์จำพวกไดโนเสาร์ที่สาบสูญไปในช่วงเวลานั้น

ดาว NIBIRU
ที่สามารถมองเห็นด้วยกล้องดดาว
....ปัจจัยที่ดาวนิบิรุชนดาวโลกในปัจจัยข้อนี้มีโอกาศชนถึง 95 เปอร์เซ็นโดยประมาณที่จะทำไห้โลกแตกและหายไปทั้งดวงและอีก 3 เปอร์เซ็นโดยประมาณโลกจะหายไปส่วนหนึงดาวโลกจะเกิดการขาดสมดุลทางด้านแรงโน้มถ่วงและทำไห้โลกเราอาจจะเกิดการเปลี่ยนวงโครจรและทำไห้มนุษย์ตายและลอยเควงควางอยู่กลางอากาศอีก 1 เปอร์เซ็นโดยประมาณดาวนิบิรุชนดวงจันทร์ทำไห้ดาวนิบิรุเปลี่ยนวงโคจรทำไห้ไม่ชนโลกแต่สะเก็ดดวงจันทร์จะตกลงมายังโลกและเกิดการเสียหายอยู่ดีและทำไห้น้ำถ้วมโลกเพราะไม่มีดวงจันทร์ทำไห้ไม่เกิดปรากฎการน้ำขึ้นน้ำลงจึงทำไห้นำถ้วมโลกอยู่ดีและอีก 0.02 โดยประมาณดาวนิบิรุเพียงแค่เฉียดโลกเฉยๆ
ทั้ง 3 อย่าง NASA ว่าจะเกิดขึ้น(พร้อมกัน) ในวันที่ 22 หรือ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012
หรือ พ. ศ. 2555
1.
2.

3. FW ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้หลายคนจะได้เตรียมพร้อมพวกเราอาจจะไม่ใช่มนุษย์ที่ถูกเลือกให้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่เราก็มีสิทธิที่เราจะได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำก่อนตาย