ความฝัน
คือความคิดตามธรรมชาติ และเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในสมองในยามหลับ โดยที่ผู้ฝันส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมได้
ความฝันของคนเรามักจะรวมถึงรูป รส กลิ่น เสียง และสิ่งที่เราสัมผัสได้ ความฝันมักเต็มไปด้วยความคิดในด้านต่างๆ ตั้งแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงจนถึงเรื่องที่เหลือเชื่อ
นักจิตวิทยาวิเคราะห์ว่า คนเรามักจะฝันถึงสิ่งที่ตนต้องการ แต่ไม่อาจครอบครองได้ หรือสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจ ความฝันอาจเกิดได้จากอาการบางอย่าง
เช่นรู้สึกหิวน้ำขึ้นมาก็อาจฝันไปว่าเดินอยู่ในทะเลทรายและกระหายน้ำเหลือเกิน ซึ่งเป็นความคิดธรรมชาติในยามหลับ
นักวิทยาศาสตร์ได้มีการศึกษาความฝันโดยอ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของดวงตาขณะนอนหลับ (rapid eye movement, REM)
การกระตุ้นของต่อมponsส่วนประกอบส่วนหนึ่งของก้านสมอง หรือการเปลี่ยนแปลงของการเต้นของหัวใจ
จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่เชื่อว่าคนทุกคนเฉลี่ยแล้วจะมีความฝันในปริมาณที่เท่ากัน ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะรู้สึกว่าตนเองไม่ได้ฝัน
นั่นเป็นเพราะว่าความฝันของบุคคลนั้นจางหายไป เมื่อตื่นนอน ความฝันนั้นมักจะเลือนหายถ้าสถานะของการฝันของบุคคลนั้นค่อยๆเปลี่ยนจาก
สถานะหลับนิ่ง (REM) ไปเป็นสถานะหลับลึก (delta) และตื่นนอน ในทางกลับกันถ้าบุคคลนั้นตื่นขึ้นมาในขณะที่อยู่ในสถานะ REM
เช่นตื่นโดยนาฬิกาปลุก บุคคลนั้นมักจะจำเรื่องที่ฝันได้ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกความฝันที่จะถูกจำได้
ความเชื่อเกี่ยวกับความฝัน
ความฝันไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีเรื่องเร้าย ย่อมมีผลกระทบต่อจิตใจของผู้ฝัน (ถ้าจำความฝันได้)จึงทำให้เกิดความเชื่อกันมาต่างๆ ตั้งแต่โบราณกาล
จึงทำให้มีพิธีกรรมแก้ฝันต่างๆ และคำทำนายความฝัน ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล ซึ่งมีมากมายหลากหลายวิธี
อาทิ
พิธีกรรมแก้ฝันตามความเชื่อ
อ่านเพิ่มได้ที่ http://www.trangzone.com/prapenee_detail.php?ID=7
- การแก้ฝันกับบุคคล กระทำโดยเมื่อผู้ฝันตื่นจากฝันแล้ว ก็เล่าเรื่องให้ผู้ใหญ่ที่มีความรู้ฟัง ผู้ใหญ่ก็จะทำนายไปตามความเชื่อโบราณ ถ้าหากฝันดีก็จะบอกกันตรงไปตรงมา
แต่ถ้าเป็นฝันร้าย ก็จะใช้อุบายวิธีแก้เคล็ดในว่า "ฝันดีมีลาภ" และแนะนำวิธิปฏิบัติตน เพื่อให้เรื่องร้ายผ่อนคลายลงหรือไม่เกิดขึ้น
- ใช้ปัญญาพิจารณาสาเหตุของฝัน ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสว่า "คนที่ฝันร้ายคือฝันเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่น่ากลัวน่าหวาดเสียวนั้น ก็เพราะเหตุไม่มีสติสัมปชัญญะในเวลานอนหลับ
แต่ผู้มีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลาแม้กระทั่งหลับแล้ว ก็จะฝันเห็นแต่สิ่งที่ดีงาม วิธีน่าจะเป็นวิธีที่ดับทุกข์ได้ดีที่สุด
- การแก้ฝันโดยการสวดมนต์ ถ้าไม่มีผู้ใหญ่หรือผู้ใดช่วยแก้ฝัน และตนเองบทสวดเป็น ก็ให้ท่องบทสวดมนตร์ต่อไปนี้ทันทีที่ตื่นไม่ว่าจะเป็นฝันดีหรือฝันร้าย
ถ้าฝันดีก็จะส่งผลให้ดียิ่งขึ้นไป ถ้าเป็นฝันร้าย เรื่องร้ายก็จะผ่อนคลายลง
- บทสวดมนต์ เมื่อตื่นจากความฝัน
ก่อนสวดมนต์ควรตั้งนะโม ๓ จบ เสียก่อน แล้วกราบ ๓ ครั้ง
ยนทุนนมิตตํ อวมงคลญจ
โย จามนาโป สกุณสส สทโท
ปาปคคโห ทุสสุปินํ อกนตํ
พุทธานุภาเวน วินาสเมนตุ
ยนทุนนิมิตตำ อวมงคลญจ
โย จาณนาโป สกุณสส สทโท
ปาปคคโห ทุสสุปินํ อกนตํ
ธมมานุกาเวน วินาสเมนตุ
ยนทุนมิติตุตํ อวมงคลญจ
โยจามนาโป สกุณสส สทโท
ปาปคคโท ทุสสุปินํ อกนตํ
สงฆานุภาเวน วินาสเมนตุ
หรือใช้บทสวดสั้น ๆ ว่า
พุทธัง นิมิตตัง (พุทธํ นิมิตตํ)
ธัมมัง นิมิตตัง (ธมมํ นิมิตุตํ
สังฆัง นิมิตตัง (สงฆํ นิมิตตํ)
- ผู้เขียนมักแก้ฝันร้ายเบื้องต้น ที่มักจะทำเสมอเวลาตื่นมาแล้วรู้สึกว่าฝันของตัวเองเป็นฝันร้าย
ให้ล้างหน้าทันที อย่าเพิ่งพูดคุยทักทายกับใครเด็ดขาด โดยล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ปาดน้ำหรือลูบน้ำออกจากคาง
เพื่อนสนิทคนหนึ่งเค้ารู้มาจากผู้ใหญ่
ส่วนการทำนายฝัน ก็สามารถค้นหาจากในเน็ตได้มากมาย ตามความเชื่อแต่ละคนไป